ข้อมูลทั่วไป
พื้นที่ ๒๓๖,๘๐๐ ตารางกิโลเมตร
(ประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศไทย)
เมืองหลวง นครหลวงเวียงจันทน์
ประชากร ๕.๖
ล้านคน (ปี ๒๕๔๘) ประกอบด้วยลาวลุ่มร้อยละ ๖๘ ลาวเทิงร้อยละ ๒๒ ลาวสูงร้อยละ ๙
รวมประมาณ ๖๘ ชนเผ่า
ศาสนา ร้อยละ
๗๕ นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ ๑๖-๑๗ นับถือผี ที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์ ประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ คน) และอิสลาม
(ประมาณ ๓๐๐ คน)
ภาษา ภาษาลาวเป็นภาษาราชการ
รูปแบบการปกครอง ระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์โดยพรรคการเมืองเดียว
คือ พรรคประชาชนปฏิวัติลาวซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุดตั้งแต่ลาวเริ่มปกครองในระบอบสังคมนิยม เมื่อวันที่
๒ ธันวาคม ๒๕๑๘
ประมุข พลโท จูมมะลี ไชยะสอน ประธานประเทศ
หัวหน้ารัฐบาล นายบัวสอน บุบผาวัน นายกรัฐมนตรี
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายทองลุน
สีสุลิด
รัฐธรรมนูญและกฎหมาย ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรกเมื่อวันที่
๑๔ สิงหาคม ๒๕๓๔ (เดิมกฎหมายอยู่ในรูปของคำสั่งฝ่ายบริหาร คือ ระเบียบคำสั่งของพรรคและสภารัฐมนตรี)
การแบ่งเขตการปกครอง แบ่งเป็น
๑๖ แขวง และ ๑ เขตปกครองพิเศษ (นครหลวงเวียงจันทน์) แขวงที่สำคัญได้แก่ เวียงจันทน์
สะหวันนะเขต หลวงพระบาง จำปาสัก คำม่วน
การเมืองการปกครอง
พรรคประชาชนปฏิวัติลาวเป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุดผูกขาดการปกครองประเทศ ตามระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์
พรรคฯ ได้กำหนดนโยบายและเป้าหมายการพัฒนาประเทศในการประชุมสมัชชาพรรคฯ
ครั้งที่ ๘ เมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๔๙
ให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยึดถือปฏิบัติ ดังนี้
-
ปี ๒๕๖๓
ต้องพ้นจากสถานะการเป็นประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด ต้องมีความมั่นคงทางการเมือง
เศรษฐกิจต้องขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประชาชนต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากปัจจุบัน
๓ เท่าตัว
-
ปี ๒๕๔๙-๒๕๕๓ เป็นช่วงของการเสริมสร้างพื้นฐานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศที่กำหนดไว้สำหรับปี ๒๕๖๓
เศรษฐกิจต้องมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ยุติการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอย
แก้ไขปัญหาความยากจนให้หมดสิ้นไป เตรียมพัฒนาบุคลากรรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรม ประชากรมีรายได้เฉลี่ยมากกว่า
๘๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี
ลาว
ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่มุ่งสร้างเสริมความสัมพันธ์แบบรอบด้านกับทุก
ประเทศบนพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติโดยไม่แบ่งแยกลัทธิอุดมการณ์
เพื่อขอรับการสนับสนุนและความช่วยเหลือในการพัฒนาประเทศให้บรรลุเป้าหมายตาม
ที่พรรคฯ กำหนดไว้ ทั้งนี้
ลาวให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นลำดับแรก ได้แก่ เวียดนาม จีน
พม่า กัมพูชาและไทย รองลงมาเป็นประเทศร่วมอุดมการณ์ ได้แก่ รัสเซีย เกาหลีเหนือ และคิวบา
อย่างไรก็ดี แม้ว่าลาวจะพยายามดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ ให้สมดุลเพื่อลดการพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นหลัก แต่ด้วยข้อจำกัดของลาวที่ไม่มีทางออกทะเล
และระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ด้อยอยู่ ประกอบกับความใกล้ชิดด้านอุดมการณ์และประวัติศาสตร์
การต่อสู้เพื่อเอกราช ทำให้ลาวมีความสัมพันธ์พิเศษกับเวียดนามและจีน อันเป็นผลให้ประเทศทั้งสองสามารถรักษาและขยายอิทธิพลในลาวได้ต่อไป
สถานการณ์สำคัญ
๑.ด้านการเมืองและความมั่นคง
สถานการณ์ภายในประเทศโดยรวมมีความสงบเรียบร้อย แม้ว่ายังคงมีรายงานการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลตามแขวงต่าง
ๆ แต่ทางการลาวสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
โดยได้จัดวางกองกำลังลาดตระเวนในพื้นที่ต่าง ๆ
อย่างเข้มงวดทำให้ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่
๑๓ มกราคม ๒๕๔๙ ยุบเขตการปกครองพิเศษไชสมบูน ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยโอนพื้นที่การปกครองไปขึ้นกับแขวงเชียงขวางและแขวงเวียงจันทน์ เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความมั่นคงปลอดภัยมากขึ้นแล้ว
เมื่อวันที่ ๑๘-๒๑
มีนาคม ๒๕๓๙ ที่ประชุมสมัชชาพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ครั้งที่ ๘ มีมติเป็นเอกฉันท์เลือกพลโท
จูมมะลี ไชยะสอน รองประธานประเทศ (ตำแหน่งในขณะนั้น) ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่คณะบริหารศูนย์กลางพรรค
(Central Committee) และสมาชิกคณะกรมการเมือง (Politburo) ลำดับที่
๑ แทนพลเอกคำไต สีพันดอน อดีตประธานประเทศที่สละตำแหน่งในพรรคทุกตำแหน่ง
และได้แต่งตั้งคณะบริหารพรรค ได้แก่ คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรค จำนวน ๕๕
คน คณะกรมการเมือง จำนวน ๑๑ คน คณะเลขาธิการศูนย์กลางพรรค จำนวน ๗ คน
และคณะกรรมการตรวจตราพรรคฯ ระดับศูนย์กลางพรรคฯ จำนวน ๓ คน
รวมทั้งได้กำหนดแผนพัฒนาประเทศระยะสั้นปี ๒๕๕๓ และระยะยาวปี ๒๕๖๓
เพื่อให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ
เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๙
สปป.ลาวได้จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติ ชุดที่ ๖ โดยพรรคประชาชนปฏิวัติลาวได้คัดเลือกส่งผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้ง
จำนวน ๑๗๕ คนเพื่อเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติ จำนวน ๑๑๕ ที่นั่งใน ๑๗
เขตเลือกตั้ง (๑๖ แขวงและนครหลวงเวียงจันทน์) ผลการเลือกตั้ง ปรากฏว่ามีประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละร้อย สมาชิกสภาแห่งชาติที่ได้รับเลือกจำนวน
๑๑๕ คน เป็นสมาชิกพรรคประชาชนปฏิวัติลาว จำนวน ๑๑๓ ที่นั่ง
และผู้สมัครอิสระจำนวน ๒ ที่นั่ง แบ่งเป็นชนเผ่าลาวลุ่ม ๙๒ คน ลาวเทิง
๑๗ คน และลาวสูง ๖ คน
การประชุมสภาแห่งชาติ ชุดที่ ๖
ครั้งที่ ๑ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘
๑๗ มิถุนายน ๒๕๔๙
โดยในการประชุมวันแรก ที่ประชุมได้รับรองผู้ดำรงตำแหน่งประธานประเทศ
รองประธานประเทศ และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
รวมทั้งได้มีการปรับ/จัดตั้งกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ ปรับกระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมไปรวมกับกระทรวงการค้า
เป็น กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า
และจัดตั้ง กระทรวงพลังงาน
และบ่อแร่ ขึ้นใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ และนำศักยภาพด้านพลังงาน
(พลังงานน้ำและแร่ธาตุ) มาใช้ในการพัฒนาประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด
๒. ด้านเศรษฐกิจ
ภาวะเศรษฐกิจของ
สปป.ลาวมีพัฒนาการที่ดีตามลำดับ โดยในช่วง ๒๐ ปีนับตั้งแต่ปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมสู่ระบบเศรษฐกิจเสรีการตลาดเมื่อปี ๒๕๒๙
สปป.ลาวมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในอัตราเฉลี่ยร้อยละ ๖.๒ ต่อปี ประชากรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากประมาณ
๒๐๐ ดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี ๒๕๒๙ เป็น ๔๙๑ ดอลลาร์สหรัฐในปี ๒๕๔๘ ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ
๑๐ ต่อปี โดยอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าเป็นสาขาหลักที่สร้างรายได้ให้แก่ประเทศ
ในปี ๒๕๔๘ สปป.ลาวมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อยละ
๗.๒ เพิ่มจากร้อยละ ๖.๖ ในปี ๒๕๔๗ ภาคเกษตรกรรม
มีพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น ๑๙๐,๐๐๐ เฮกตาร์ (๑,๑๘๗,๕๐๐ ไร่) และผลิตข้าวได้
๒.๖ ล้านตัน ภาคอุตสาหกรรม รัฐบาล สปป.ลาวได้อนุมัติสัมปทานโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเหมืองแร่
(ทองคำ ทองแดง ดีบุก ถ่านหิน สังกะสี ยิปซั่ม)
โครงการผลิตซีเมนต์และเหล็กในหลายพื้นที่เพื่อเพิ่มการส่งออก ด้านการคมนาคมขนส่ง การก่อสร้างถนนเชื่อมโยงลาวกับประเทศในอนุภูมิภาคมีความคืบหน้าอย่างมาก ถนนที่สร้างแล้วเสร็จ
ได้แก่ ถนนหมายเลข ๙ (ไทย-ลาว-เวียดนาม) และถนนหมายเลข ๑๘ B (ลาว-เวียดนามตอนใต้)
ในขณะที่ถนนหมายเลข ๓ (ไทย-ลาว-จีน) ถนนหมายเลข ๘ และหมายเลข ๑๒
(ไทย-ลาว-เวียดนาม) จะแล้วเสร็จในปี ๒๕๕๐
อย่างไรก็ดี ลาวยังคงประสบปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข
ที่สำคัญได้แก่ ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น การขาดดุลการค้าที่สูง
การจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย และการฉ้อราษฎร์บังหลวง
๓. ด้านสังคม
ปัญหายาเสพติดเป็นประเด็นที่รัฐบาล สปป.ลาวให้ความสำคัญในลำดับต้นและ ประสบความสำเร็จในการขจัดพื้นที่การปลูกฝิ่นในลาวให้หมดสิ้นไปภายในปี
๒๕๔๘ ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้รวมทั้งได้จัดทำแผนขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาชนบท ป้องกันไม่ให้ประชาชนหวนกลับไปปลูกฝิ่นอีก
สำหรับปัญหาอื่น ๆ ได้แก่ ปัญหาภัยธรรมชาติ ปัญหา
ความไม่รู้หนังสือของประชาชน ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคเอดส์และปัญหาการเก็บกู้กับระเบิดที่ตกค้าง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาพื้นที่การเกษตรและเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเสียชีวิตของประชากรลาว
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
สนับสนุนและส่งเสริมลาวในทุกทางเพื่อให้มีความก้าวหน้า เข้มแข็ง รุ่งเรืองและเป็นมิตรประเทศที่ดีของไทย
กลไกความร่วมมือไทย-ลาว
ความสัมพันธ์ไทย-ลาวในปัจจุบันดำเนินไปอย่างราบรื่นใกล้ชิด ทั้งสองฝ่ายได้ใช้กลไกและเวทีความร่วมมือในด้านต่าง
ๆ ที่จัดตั้งขึ้นทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีผลักดันความร่วมมือและแก้ไขปัญหา เพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างสันติวิธี
ที่สำคัญได้แก่
๑. คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-ลาว เป็นกลไกกำกับดูแลการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ลาวในภาพรวม
ตั้งขึ้นเมื่อพฤษภาคม ๒๕๓๔ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ
ทั้งสองฝ่ายเป็นประธานร่วม สองฝ่ายได้ผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมขึ้นทุกปี โดยมีผู้แทนจากทุกหน่วยงานหลักของไทยและลาวเข้าร่วม
การประชุมครั้งล่าสุด คือ ครั้งที่ ๑๔ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕
มกราคม ๒๕๔๙ ที่จังหวัดตราด
๒. คณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไปไทย-ลาว ตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม
๒๕๓๔ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศเป็นประธานร่วม เป็นกลไกกำหนดแนวทางและมาตรการเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยและเสถียรภาพตามชายแดน การประชุมครั้งล่าสุด
คือ ครั้งที่ ๑๕ เมื่อวันที่ ๑๘-๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๙ ที่กรุงเทพ มหานคร
๓.
คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-ลาว ตั้งขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ๒๕๓๙ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยและลาวเป็นประธานร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วมตลอดแนวชายแดน การประชุมครั้งล่าสุด
คือ ครั้งที่ ๘ ระหว่างวันที่ ๗-๘ มีนาคม ๒๕๕๐ ที่หลวงพระบาง
๔.
คณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-ลาว เป็นผลสืบเนื่องจากการเยือนลาวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
เมื่อเดือนมกราคม ๒๕๔๐
และการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-ลาว ครั้งที่ ๗ เมื่อเดือนกันยายน
๒๕๔๐ การประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ครั้งที่ ๑ มีขึ้นระหว่างวันที่
๑๖-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๔๑ กรุงเทพมหานคร มีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและการท่องเที่ยวลาวเป็นประธานร่วม ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนเป็นการประชุมแผนความร่วมมือ
ทางเศรษฐกิจการค้าไทย-ลาว มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทย-ลาวเป็นประธานร่วม
ได้จัดประชุมครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๘ ธันวาคม ๒๕๔๙ ณ นครหลวงเวียงจันทน์
๕. คณะกรรมการส่งเสริมการค้าและการลงทุนไทย-ลาว (เปลี่ยนชื่อมาจากคณะกรรมการไกล่เกลี่ยแก้ไขข้อพิพาทด้านธุรกิจและการลงทุนไทย-ลาว) จัดตั้งโดยมติที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-ลาว
ครั้งที่ ๗ เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๔๐
มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่าย เป็นประธานร่วม เพื่อเป็นกลไกอำนวยความสะดวกการไกล่เกลี่ยแก้ไขข้อพิพาทด้านธุรกิจและการลงทุนและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจระหว่างไทย-ลาว การประชุมครั้งล่าสุด
คือ ครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๔๙ ที่เกาะช้าง จังหวัดตราด
๖.
การประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย-ลาว จัดตั้งโดย
มติที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-ลาว ครั้งที่ ๖ เมื่อกันยายน
๒๕๓๙ ณ จังหวัดสงขลา การประชุมครั้งล่าสุด คือ ครั้งที่ ๖ ระหว่างวันที่
๒๓-๒๕ สิงหาคม ๒๕๔๙ ที่แขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว นอกจากนี้ ยังมีการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยในระดับจังหวัดกับแขวงเพื่อเป็นกลไก ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาตามบริเวณชายแดนในระดับท้องถิ่นมิให้ลุกลามเป็นปัญหาระดับชาติ
๗. การประชุมทวิภาคีว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นกลไกความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานฝ่ายไทย และรัฐมนตรีประจำสำนักงานประธานประเทศเป็นประธานฝ่ายลาว
การประชุมครั้งล่าสุด คือ ครั้งที่ ๙ ระหว่างวันที่ ๖-๗ กันยายน
๒๕๔๙ ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
๘. สมาคมไทย-ลาวเพื่อมิตรภาพ
จัดตั้งโดยกระทรวงการต่างประเทศเมื่อปี ๒๕๓๗ เพื่อเป็นกลไกเสริมในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ลาวในระดับประชาชนต่อประชาชน ในด้านเศรษฐกิจ
สังคม และวัฒนธรรม โดยฝ่ายลาวได้จัดตั้งสมาคมลาว-ไทยเพื่อมิตรภาพ ภายใต้ศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว
เป็นสมาคมร่วมดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ กับสมาคมไทย-ลาวฯ
ทั้งสองสมาคมมีการประชุมร่วมกันทุกปี การประชุม ร่วมระหว่างสองสมาคมครั้งล่าสุด คือ
เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๔๙ ที่กรุงเทพมหานคร
สถานะความร่วมมือ
พัฒนาการที่สำคัญของความสัมพันธ์ไทย-ลาวได้แก่การประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-ลาวอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่
๒๐ มีนาคม ๒๕๔๗ ณ แขวงจำปาสัก และจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นการประชุม ครั้งประวัติศาสตร์ ทั้งสองฝ่ายสามารถหารือในปัญหาที่คั่งค้างเป็นเวลานานได้อย่างตรงไปตรงมา และหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกันได้ และ
ได้ผลักดันความร่วมมือในระยะต่อไปเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันโดยหน่วยงานที่
เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่ายได้นำผลการประชุมดังกล่าวมาปฏิบัติจนมีผลคืบหน้า สรุปได้
ดังนี้
ด้านการเมืองและความมั่นคง
ความร่วมมือด้านการทหาร กองทัพไทย-ลาวมีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งในระดับส่วนกลางและท้องถิ่น สามารถแก้ไขปัญหาและเสริมสร้างความมั่นคงทำให้พื้นที่บริเวณชายแดนไทย-ลาวส่วนใหญ่ มีความสงบเรียบร้อยดี
พัฒนาการที่สำคัญ ได้แก่ การลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-ลาว ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศเมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๔๖
ที่กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นกรอบในการปฏิบัติงานให้ชายแดนไทย-ลาวเป็นชายแดนแห่งมิตรภาพ
สันติภาพ และความมั่นคง
โดยขณะนี้กองทัพไทย-ลาวอยู่ระหว่างจัดทำแผนงานประกอบ ความตกลงเพื่อนำสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
การแก้ไขปัญหาบุคคลผู้ไม่หวังดีต่อความสัมพันธ์ไทย-ลาว
หรือ คนบ่ดี ทางการไทยได้ยืนยันกับลาวในทุกโอกาสว่า รัฐบาลไทยมีนโยบายชัดเจนที่จะไม่ยินยอมให้กลุ่มหรือบุคคลใด ใช้ดินแดนไทยเป็นฐานหรือทางผ่านเข้าไปก่อความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้านและได้ดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๔๖ เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรี เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางดำเนินการและจัดทำบัญชีรายชื่อบุคคลผู้ต้องห้ามเข้าราชอาณาจักร (blacklist) เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตรวจสอบและอนุญาตให้บุคคลต่างด้าวเข้าเมือง สำหรับกรณีชาวม้ง
ในที่พักสงฆ์ถ้ำกระบอกทางการสหรัฐฯ ได้ประกาศเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม
๒๕๔๖ ยินดีรับชาวม้งดังกล่าว ซึ่งมีจำนวน ๑๕,๖๓๙ คน ไปตั้งถิ่นฐานในสหรัฐฯ และได้ดำเนินการแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน
๒๕๔๗ พฤษภาคม ๒๕๔๘ และกรณีชาวม้งลาวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ในการเยือน สปป.ลาวอย่างเป็นทางการ ของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม
๒๕๔๙ สอง ฝ่ายเห็นชอบให้คณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป
ไทย-ลาวเป็นกลไกแก้ไขปัญหาซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่าย
ได้ร่วมมือและประสานงานกันอย่างใกล้ชิด
การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนไทย-ลาว
เขตแดนไทย-ลาวมีระยะทางทั้งสิ้นประมาณ ๑,๘๑๐ กิโลเมตร แบ่งเป็นเขตแดนทางบก ๗๐๒
กิโลเมตร และเขตแดนทางน้ำ ๑,๑๐๘ กิโลเมตร ไทยและลาวได้ลงนามความตกลงเกี่ยวกับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนตลอดแนวร่วมกัน โดย
มีวัตถุประสงค์ที่จะจัดทำหลักเขตแดนตลอดแนวเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายรู้ที่ตั้ง
ของเส้นเขตแดนอย่างแน่ชัดและได้จัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-ลาวขึ้น
เป็นกลไกกำกับดูแลการดำเนินงานดังกล่าว มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยและลาวเป็นประธานร่วม นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
๒๕๔๐ ที่สองฝ่ายได้เริ่มสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในภูมิประเทศจริงจนถึงเดือนมิถุนายน
๒๕๔๙ สามารถจัดทำหลักเขตแดนทางบกร่วมกันได้ ๑๙๐ หลัก
ระยะทางประมาณ ๖๗๖ กิโลเมตร ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-ลาว
ครั้งที่ ๘ เมื่อวันที่ ๗-๘ มีนาคม ๒๕๕๐ ได้เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายเร่งรัดดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนให้แล้วเสร็จตลอดแนว โดยทางบกให้สำเร็จภายในปี
๒๕๕๑ และทางน้ำภายในปี ๒๕๕๓
ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ไทยและลาวได้ลงนาม ในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
และ สารตั้งต้น เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๔๔ หน่วยงานด้านปราบปรามยาเสพติดไทย-ลาวมีความร่วมมือทั้งด้านวิชาการ
แลกเปลี่ยนข้อมูล และความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดโดยได้จัดการประชุม ว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติดเป็นประจำทุกปี
การประชุมครั้งล่าสุด คือ ครั้งที่ ๙ เมื่อวันที่ ๖-๗ กันยายน ๒๕๔๙
ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ความคืบหน้าของความร่วมมือที่สำคัญ
ได้แก่
-
เจ้าหน้าที่สองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการลักลอบค้ายาเสพติด อย่างต่อเนื่อง
และขยายไปสู่การปฏิบัติการร่วมในการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ
-
ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้จัดตั้งสำนักงานประสานงานปราบปรามยาเสพติดชายแดน (Border Liaison Office- BLO) เพิ่มเติมอีก ๔ จุด (อ.บึงกาฬ จังหวัดหนองคาย เมืองปากซัน
แขวงบอลิคำไซ / อ.เมือง จ.มุกดาหาร- เมืองไกสอน แขวงสะหวันนะเขต / อ.โขงเจียม
จ.อุบลราชธานี เมืองชะนะสมบูน แขวงจำปาสัก / อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี เมืองสองคอน
แขวงสะหวันนะเขต) จากเดิมที่มีอยู่ ๔ แห่ง (อ.เชียงของ จ.เชียงราย เมืองห้วยทราย
แขวงบ่อแก้ว / ด่านสะพานมิตรภาพหนองคาย-เวียงจันทน์ / อ.เมือง จ.นครพนม-เมืองท่าแขก
แขวงคำม่วน และด่านช่องเม็ก-วังเต่า) รวมทั้งลาดตระเวนร่วมตามลำแม่น้ำโขงในบริเวณดังกล่าว
-
โครงการก่อสร้างศูนย์บำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่แขวง
จำปาสัก ที่ฝ่ายไทยให้ความช่วยเหลือมูลค่า ๒๔.๗๕ ล้านบาทได้ก่อสร้างเสร็จและส่งมอบให้ฝ่ายลาวเมื่อเดือนธันวาคม
๒๕๔๘ และฝ่ายไทยได้มอบวัสดุ/อุปกรณ์ในโครงการความร่วมมือและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด มูลค่าประมาณ
๒ ล้านบาทให้ฝ่ายลาวเมื่อกลางเดือนมิถุนายน ๒๕๔๘
ความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกด้านการสัญจรของประชาชน ไทยและลาวมีพรมแดนติดต่อกันรวม
๑๑ จังหวัด / ๙ แขวง สองฝ่ายได้ลงนามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาเมื่อวันที่ ๒๘
ตุลาคม ๒๕๔๗ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม๒๕๔๗ และได้ร่วมกันเปิด/ยกระดับจุดผ่านแดนที่เห็นเหมาะสมร่วมกัน
ในปี ๒๕๔๙ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบ
ในหลักการให้ขยายเวลาทำการด่านช่องเม็ก-วังเต่า จากเดิมเวลา ๐๖.๐๐-๑๘.๐๐
น. เป็น ๐๖.๐๐-๒๐.๐๐ น. รวมทั้งได้เปิดจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มอีก ๑ จุด ที่สะพานมิตรภาพ
๒ (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๙
|